‘ไอติมแพนด้า’ มีจุดเด่นคือมันมีหน้าตาเป็นหมีแพนด้า
ประเด็นก็คือ ไอ้ไอติมที่ว่าเนี่ย...มันละลายเร็วมาก (ยิ่งเจออากาศเส้นศูนย์สูตรบนพระอาทิตย์บ้านเราด้วยนะ...)
มันก็เลยทำให้ไอติมหน้าตามันไม่เหมือนหน้าซองเข้าไปใหญ่
คือ เค้าทำออกมาตรงซองแหละ แต่ระหว่างขนส่งต่างๆ ไอติมมันก็เลยละลายบ้างนิดๆ หน่อยๆ จนห่างไกลจากหน้าซองไปมากตอนที่ถึงมือคนกิน
ทีแรก...ลูกค้ากังวลกับเรื่องนี้มาก พยายามหาทางแก้ไขกันใหญ่
แต่กลายเป็นคนดันชอบกัน เพราะคาดเดาไม่ได้ว่าจะเจอหน้าตาแพนด้าแบบไหน ถ่ายรูปอวดกัน...ขายดีซะงั้น
#ผู้บริโภคเดี๋ยวนี้เดาใจยากนะครับ
ทำให้ทาง Nestlé อยากทำคลิปอะไรสักอย่างเกี่ยวกับ ‘ไอติมแพนด้าที่มีหน้าตาไม่เหมือนหน้าซอง’
คือไม่ได้อยากจะแก้ตัวอะไร...แค่จะบอกว่า ไอติมแพนด้ามีหน้าตาตลก ไม่เหมือนหน้าซองนะ...แค่นั้น
สิ่งแรกที่แวบเข้ามาเลยหลังจากฟังบรีฟจบคือ ‘ไม่ตรงปก’
เออใช่! ไม่ตรงปกของหนังแบบนั้นแหละ... #เออกูมันจิตใจต่ำช้า
แต่พอมาดูไอเดียรอบๆ โจทย์แล้ว ก็พบว่าไอเดีย ‘ไม่ตรงปก’ นี่แหละ...อยู่แล้ว
ทีนี้เราก็มาดูต่อว่า ไอ้ไอเดีย ‘ไม่ตรงปก’ มันแตกไปทางไหนได้อีก
‘เหนือความคาดหมาย’ / ‘ไม่คาดคิด’ / ‘ไม่สมหวัง’
โอเค...ดูจะไปได้หลายทาง น่าจะรอด
นั่นคือการตอบโจทย์ลูกค้า
ส่วนโจทย์ของ Salmon House เอง คือ เราอยากจะหลบวัฏจักรลุงป้า (หรือที่พวกเราเรียกตัวเองว่า ‘บางแคโปรดักชั่น’) และ Mockumentary ต่างๆ ที่เราทำมาหลายตัว
ส่วนหนึ่งคือกลัวคนดูจะเดาทางได้ เพราะเราขยี้แนวนี้มาหลายเรื่องติดต่อกัน
ส่วนที่สองคือขอพวกกูได้เอ็นจอยกับความเยาว์วัยบ้างเถอะ!
โอเค...งานนี้เราจะทำดีๆ
จากโจทย์ทั้งสองอย่าง เราก็เอามาเขย่ารวมกัน แล้วพบว่า
ไอ้บ้า...ยากชิบเป๋ง คิดไม่ออกว่ะ!
จาก Core Idea ‘ไม่ตรงปก’ ก็คิดไปคิดมา จนสุดท้าย พวกเราลองไปทางนี้เลยมั้ย –ทางสัจธรรมดีงามไปเลย
ทางเลวก็ไม่ได้ ก็ไปให้สุดทางธรรมเลยละกัน
จนได้ Log Line ไอเดียที่ว่า ‘ชีวิตน่ะ มันมีแต่เรื่องไม่ตรงซอง ไม่ตรงปกนะ แต่ชีวิตก็คือชีวิต อะไรที่เกิดขึ้น มันดีเสมอแหละ...และเราต้องอยู่กับมันให้ได้’
ไอเดียต่อมา ก็มาที่อาหารต่างๆ พวกพิซซ่า เบอร์เกอร์ สิ่งของ ทรงผม ฯลฯ ที่มีหน้าตาจริงๆ ไม่ตรงกับคิดไว้ แต่พอลองแล้ว ก็ไม่ได้แย่นี่หว่า
จากนั้นเราก็เติมความเป็น Emotional เข้าไปนิดนึงกับเรื่องความรัก –ตกหลุมรัก, อกหัก, แอบรัก หรือกระทั่งฟังก์ชั่น ‘Edited’ ใน Facebook เพื่อเล่าเรื่อง ‘ไม่ตรงปก หรือเหนือความคาดหมาย’
(และแน่นอนครับ...มันต้องมีไอเดีย ‘หนังโป๊ไม่ตรงปก’ อยู่ในนั้นด้วยครับ จะเหลือเหรอ...คนจิตใจต่ำช้าอย่างพวกเรา
และแน่นอนอีกนั่นแหละว่า ไอเดียหนังโป๊ไม่ตรงปกก็โดนอุ้มหายไปตั้งแต่ Draft แรกที่เสนอลูกค้า)
ตอนเอาไอเดียนี้ไปขายทางเอเจนซี่ The Secret Farm...
คำถามแรกที่ถูกถามกลับเลยคือ “นี่จะให้เห็นสินค้าตั้งแต่ 15 วินาทีแรกเลยเหรอ?”
ก็ห่ามนิดหน่อย แต่เราคิดว่า มันน่าจะไปได้ดีแหละน่ะ เพราะไอเดียหนังเรื่องนี้มันโยงมาจากตัวสินค้า
ในขณะที่งานอื่นๆ ที่เคยทำ เราโยงไอเดียจากข้างนอกเข้าหาสินค้า
สุดท้าย ก็ต้องขอขอบคุณทางทีม The Secret Farm ที่ไว้ใจ และกล้าเสี่ยงไปกับพวกเรา กล้าที่จะลองกับคลิปที่มีความยาวเกินปกติแบบนี้
ขอบคุณทาง Nestlé ที่เชื่อมือ Salmon House ด้วยครับ หลายซีนในหนังสั้นค่อนข้างล้ำเส้นความเป็น Nestlé ประมาณนึง ซึ่งพวกเราซึ้งใจมากที่พวกเราเก็บมันไว้ได้ (และก็มีหลายซีนที่เราล้ำไปไกลจนต้องถอดออก –ซึ่งก็เข้าใจแหละ)
งานนี้สารภาพโดยตรงว่า พวกเราค่อนข้างหนักใจกับการทำงานกับองค์กรใหญ่ผ่านเอเจนซี่
เราจะทำงานกันได้มั้ยนะ เพราะเราเคยแต่ทำงานที่อิสระพอสมควร เราจะโดนบีบบังคับนั่นนี่มั้ยนะ
แต่พอทำงานด้วยกันเท่านั้นแหละ...เฮ้ยยยย! มันก็ดีนี่หว่า!!!
ก็นี่แหละครับ ที่สมพงษ์บอกว่า... “ชีวิตมีแต่เรื่องไม่ตรงซอง”
;->
สมพงษ์
สมพงษ์ –ตามซองที่อยากได้คือเป็นคนธรรมดาๆ อยู่กลางกลุ่มเพื่อนๆ ไม่ใช่คนริเริ่มทำอะไร แต่ก็ช่วยคนอื่นตามประสา
ลุคที่อยากได้คือ ออกแนว Loser นิดหน่อย แต่ไม่ถึงขนาดคนมองแล้วตัดสินใจว่า ไอ้หมอนี่คือไอ้ขี้แพ้ และไม่เอา Loser สไตล์ GTH ที่หน้าตาสะอาดสะอ้าน จะดูให้หล่อก็ไหว จะดูให้ไม่หล่อก็ไม่ผิด ส่วนสูงอยากให้สูงเท่าๆ กันหรือเตี้ยกว่าจิน (สัด...คุณสมบัติอะไรวะเนี่ย) และที่สำคัญที่สุด คือต้องเอาซีนอารมณ์อยู่!
เหมือนเป็นอาถรรพ์ของ Salmon House ที่เวลาต้องหาบทสำคัญทีไร เราจะต้องได้คนที่ใช่ในวินาทีสุดท้ายเสมอ!
เพราะบทนี้เราแคสต์อยู่นานมาก จนวินาทีสุดท้ายจริงๆ คนสุดท้ายที่มาเคสคือ คังโป้ย...
ใช่ครับ มันชื่อ ‘คังโป้ย’
คังโป้ยเล่นละครเวที หน้าตาคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการเป๊ะ
แต่สูง 183 ซม.
...
ต้องมีปัญหาตอนยืนคู่กับนักแสดงหญิงแน่ๆ
เอา! ก็ต้องเอาแบบนี้ก่อนล่ะ!!!
หลังจากปรับคาแรคเตอร์นิดหน่อย คังโป้ยก็เป็นสมพงษ์อย่างสมบูรณ์
ติดอย่างเดียวว่า ไอ้ซีนอารมณ์ร้องไห้ที่ว่า...คังโป้ยจะเล่นได้จริงๆ มั้ย
เราจัดคิวร้องไห้ไว้คิวท้ายๆ เพื่อให้เวลากับซีนร้องไห้เยอะๆ และซีนกลางคืนที่ร้องไห้ เซ็ตไฟนานมากกกก
วช: เฮ้ย! (พูดกับแฮค, ตากล้อง) กูว่าเซ็ตไฟนานไปแล้วว่ะ
ธนช: เออ! กูว่าหน้าตามืดๆ แบบนี้ไม่ติดนะ ลุยกันต่อเถอะ!
แฮค: โอเค ได้พี่
พี่ห้าว (หัวหน้างานทีมไฟ): ไม่ได้ครับ กลางคืนมันจะมืดแบบนี้ไม่ได้นะครับ
วช: อ่าว ทำไมล่ะครับ
พี่ห้าว: กลางคืนมันต้องมีแสงจันทร์ครับ
วช + ธนช: .....
ยอมแพ้อย่างสดุดีต่อความละเอียดของพี่ห้าว (กลัวโดนพี่ต่อยด้วย)
ในระหว่างที่พี่ห้าวและทีมไฟกำลังเสกแสงจันทร์อยู่นั้น...คังโป้ยก็หายเข้าไปในห้องน้ำนานมาก
พอไฟพร้อมปุ๊บ คนตะโกนเรียก คังโป้ยออกห้องน้ำ เดินตรงเข้าฉากแบบไม่สนใจใคร ขึ้นเตียง และร้องไห้ทันที
อารมณ์เหมือนเดินประคองถาดน้ำตาแล้วมาเทใส่บนเตียงยังไงยังงั้นเลย
ทำเอาทีมกล้องถึงกับกด Record แทบไม่ทัน
พวกเราก็ได้แต่คิดในใจว่า “แหม่...ทำงานกับคนหนุ่มสาว นี่มันดีจริงๆ”
จิน
จิน –ตามซองที่อยากได้คือเป็นผู้หญิงสวย พราวเสน่ห์ และสามารถทำให้ผู้ชายตกหลุมรักได้ง่ายๆ เป็นคนจริงใจ สนิทกับคนง่ายจนทำให้คนอื่นคิดไปไกลได้ แตะเนื้อต้องตัวได้อย่างไม่คิดอะไร และที่สำคัญ...สามารถ Friend Zone ผู้ชายได้โดยไม่รู้สึกผิดอะไร เพราะไม่ได้คิดอะไรเกินเลยจริงๆ ลุคภายนอก อยากได้ AE คล่องๆ แอบหวานได้ แต่ไม่หวานจ๋า
ตอนคิดบทนี้ก็คิดถึงจินเป็นคนแรก
วิชัยและธนชาติ เคยเรียกจินมาแคสต์ไว้ล่วงหน้า เพราะอยากได้นักแสดงหญิงที่จะประจำเฮ้าส์
ยิ่งได้จินมาเล่น Holy Vision...เราก็คิดว่า จินมีความ Kill บางอย่างที่ทำงานแน่ๆ
ตอนเขียนบทก็เลยเขียนให้จินไปเลย
แต่วันออกกอง จินไม่ค่อยสบาย ทำให้ความ Kill ของจินดรอปไปนิดหน่อย
แต่พอสนิทกับคังโป้ยแล้ว พอถึงฉากในบ้านต่างๆ ความ Kill ของจินก็เริ่มฉายแสงอีกครั้ง
พวกเราก็ได้แต่คิดในใจว่า “แหม่...ทำงานกับคนหนุ่มสาว นี่มันดีจริงๆ”
โอ๋
(ตรงนี้มีสปอยล์ จงไปดูคลิปก่อน ค่อยอ่านต่อ)
โอ๋ –คาแรคเตอร์ของโอ๋คือเป็นเพื่อนสนิทของสมพงษ์ คุณสมบัติแรกๆ คือ เวลาอยู่กับเอ็กซ์ตร้า จะต้องดูเป็นเอ็กซ์ตร้าได้โดยไม่เด้ง ดังนั้นหน้าตาดีได้ แต่ต้องไม่ดูสวยในแวบแรกที่มอง มีลุคเป็นสาวโปรดักชั่น ลุยๆ โวยวายๆ
หากันอยู่พักนึง ก็ได้ มิลค์ ที่เป็นฝ่ายคอสตูมขาประจำให้ Salmon House อยู่แล้ว
อะ! เหมาไปเลย ทั้งดูเสื้อผ้าและเล่นเอง
มิลค์ตัวจริงห้าวโหดมาก อย่างฉากในลิฟต์ ยิ่งคัท โอ๋ก็ยิ่งทักทายสมพงษ์ได้โหดสัสขึ้นเรื่อยๆ
คาดว่าถ้าผู้กำกับยังไม่ปล่อยผ่าน มิลค์น่าจะกระชากคอสมพงษ์แน่ๆ
ปัญหาอย่างเดียวของมิลค์และคังโป้ย คือ ความสูง ทำให้ฉากกินไอติมและฉากเดินด้วยกัน ทีมงานต้องเอาแผ่นไม้ (Palette) มาเรียงต่อกันเป็นทางยาวเกือบ 20 เมตรให้มิลค์เดิน
ฉากที่พวกเรากังวลคือ ความโดดเด้งของมิลค์ก่อนฉากสำคัญ แต่สุดท้ายมิลค์ก็พรางตัวเป็นเอ็กซ์ตร้าได้อย่างแนบเนียน
พวกเราก็ได้แต่คิดในใจว่า “แหม่...ทำงานกับคนหนุ่มสาว นี่มันดีจริงๆ”
ป.ล. และที่สำคัญที่สุด มิลค์เป็นคนที่พูดคำว่า “อร่อย” ได้อร่อยที่สุดในโลก ไม่เชื่อลองไปเปิดคลิปฟังดูดิ!
ฉากลิฟต์
เนื่องจากเราออกแบบให้จิน เป็นสาวเฟรนด์ลี่สายรุก เราจึงอยากให้จินเป็นฝ่ายทักสมพงษ์ก่อน จึงคิดหาสถานที่แคบๆ ที่คนจะต้องอยู่กับตัวเอง และจินสามารถลุกล้ำความเป็นส่วนตัวได้อย่างไม่เคอะเขิน
ในฉากนี้จินจะต้อง Kill ตั้งแต่วูบแรกที่เข้าฉาก และที่สำคัญ จะต้องถ่ายง่ายและมีในออฟฟิศ (โอ้ย! เงื่อนไขยุ่บยั่บไปหมด)
คำตอบคือ ‘ลิฟต์’
คนจะทำอะไรกันในลิฟต์ล่ะ? อะ! ให้ฟังเพลงละกัน
พอมีลิฟต์มีเพลงปุ๊บ! ไม่ว่าแกทำอะไร มันก็จะกลายเป็น 500 Days of Summer ทันที!!!
อะ อะ อะ...ไหนๆ จินก็คล้ายซูอี้ละ มีลิฟต์ละ ฟังเพลงละ
ทำฉากนี้ขึ้นมาใหม่เลยละกัน!
ลิฟต์ที่อยากได้ คือ ลิฟต์ที่ประตูเปิดจากตรงกลางและเราสามารถหยุดค้างเพื่อถ่ายนานแค่ไหนก็ได้
พวกเราไปหาลิฟต์จนถึงศิลปากร ตลิ่งชัน (เพราะอยู่ใกล้บ้านที่เราถ่ายเป็นโลเคชั่นหลัก)
แต่ลิฟต์ที่ศิลปากรดูจะมีคนใช้เยอะมาก ถ้ากดค้างไว้นานๆ ต้องพังแน่ๆ
และสิ่งที่เราลืมไปคือ ลิฟต์ส่วนใหญ่ข้างในเป็นกระจก
จบ.
สุดท้าย...กลับมาใช้ลิฟต์ออฟฟิศ (ที่ประตูเปิดข้างๆ)
หน้าซอง –ฉากลิฟต์เป็นฉากที่พวกเราคิดว่า ไม่น่าจะใช้เวลานาน
เพราะนักแสดงก็ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องบท ลิฟต์ก็ใช้ของออฟฟิศ
เวลาที่ถ่าย ก็เลือกถ่ายตอนที่คนยังไม่มาออฟฟิศ เรื่องคน เรื่องเสียงน่าจะจัดการได้
เอาน่า...ไม่น่าเกิน 45 นาที
ชีวิตจริง –ลิฟต์ออฟฟิศที่กด Hold ไว้จะร้องเสียงดังทุกๆ 1 นาที และพอพลาด ลิฟต์ปิดทีนึงก็จะวนไปชั้นอื่นๆ อีกพักใหญ่ๆ
ประตูปิดช้าไปบ้าง เร็วไปบ้าง ถ่ายกันตั้งแต่ฟ้ายังมืด จนผู้คนเริ่มมาทำงาน เสียงเปิดปิดประตูจากเครื่องสแกนนิ้วเริ่มกวนอีก
แอคติ้งได้ เสียงคนเข้า คนไม่เข้า แอคติ้งไม่ได้
2 ชั่วโมงผ่านไป...
พวกเราก็ได้แต่คิดในใจว่า “อืม...ชีวิตแม่งมีแต่เรื่องไม่ตรงซองจริงๆ ด้วย”
ฉากสวน
ฉากนี้เราไปถ่ายกันที่ ‘สวนป่าวิภาวดี’ แถวๆ สนามกีฬาไทย - ญี่ปุ่น ดินแดง เพราะอยู่ใกล้ออฟฟิศเราหลังจากที่พวกเราสยองกับสวนรถไฟจากงานโซนี่ คราวนี้เราก็ให้คนไปสำรวจหนึ่งรอบ ผู้กำกับไปดูกันเองอีกรอบ
ฉากนี้ใช้แค่ซีนบอกเลิก ยืนหันหน้าเข้าหากันง่ายๆ กับฉากนั่งอ่านหนังสือกันธรรมดาๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรปะวะ
ตัดภาพมาวันถ่ายจริง
สปริงเกิ้ล...สปริงเกิ้ล อิส เอฟรี่แวร์!
รดน้ำต้นไม้เละเทะทุกตารางนิ้ว! แล้วไม่ได้ฉีดแบบปรี๊ดๆ เบาๆ น่ารักๆ นะ
คือยิงแบบปืนต่อสู้อากาศยาน ถ้านกหลงไปโดนมีตายอะ!
พี่ๆ คนทำสวนก็ทำงานกันชิลแบบ...อืม ถ่ายๆ ไปสิพวกแก จะมายืนอึ้งอะไร
สุดท้าย พี่ๆ เค้าก็ยอมปิดน้ำ (เพราะรดน้ำมานานละ) เราจึงถ่ายงานต่อได้
วันนั้นถ่ายงานกันร้อนรนนิดหน่อย เพราะฉากในลิฟต์ใช้เวลานานเกินไป
และยังมีกองอึที่อยู่ด้านหลังกล้อง ที่ต้องระวังกันตลอดเวลา!
‘เธอน่ารัก' - สี่เต่าเธอ
ต่อเนื่องมาจากฉากลิฟต์แบบ 500 Days of Summer
เราจึงพยายามมองหาเพลงหน้า B ที่เก่าและลับแล โดยที่เพลงนั้นต้องเป็นเพลงบอกรัก เนื้อหาไร้เดียงสา และโดนในครั้งแรกที่ฟัง
มีเพลงเข้ารอบแค่ 2 เพลงเท่านั้น คือเพลง ‘รักซะที’ ของโลลี่ป๊อบ (ซึ่งเก่ามากกกก และลับแลมากกกก)
ทางโปรดิวเซอร์จัดแจงหาต้นตอของลิขสิทธิ์จนเจอ
พอโทรไปที่ค่ายก็ได้คำตอบว่า “เอ...วงนี้วงไทยหรือต่างชาติคะ ต้องขอหาก่อนนะคะ”
อืม...ลับแลจริงๆ
ตัดมาเพลงที่สอง ‘เธอน่ารัก’ ของวงสี่เต่าเธอ
เพลงนี้ตรงตามที่ต้องการทุกอย่าง เป็นเพลงรักที่เพราะมาก และมีความเป็นเรโทรที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนี้
และที่สำคัญลิขสิทธิ์อยู่กับทางวงแล้ว ซึ่งคิดว่าน่าจะถูก แต่พอเห็นราคาแล้วถึงกับต้องปาดเหงื่อ
แต่ปรากฏว่า พอเอาเพลงมาประกอบฟุตเทจปุ๊บ...เชี่ย! พลังสัดๆ!!!
เพลงเธอน่ารัก ฉบับ Master มีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกับที่ฟังใน Youtube หรือในเทปที่ขายเลย
มันมีมิติมากกว่า มีรายละเอียดดนตรีที่ดีกว่า และมีช่วงโซโล่ที่ยาวกว่า
เธอน่ารัก ถูกชิว (Motion Graphic ของเฮ้าส์) คัฟเวอร์เปียโนอีกรอบ เพื่อเอากลับมาเล่นในช่วงท้ายคลิป
ไอติม
ไอติมแพนด้า ก็ยังเป็นไอติมแพนด้าที่ไม่ตรงซอง ตั้งแต่ตัวสินค้ายันคอนเซปต์งาน
ก่อนถ่ายทำ พวกเราคิดว่า เราจะมาแกะไอติมไปเรื่อยๆ เพื่อหาแท่งที่หน้าตาประหลาดนั้นคงจะเสียเวลามาก
ก็เลยคิดวิธีว่า ส่วนหน้าตาไอติม เราจะทำ Retouch ใหม่หมด จะได้เอาเวลาไปถ่ายทำให้เต็มที่
ตัดภาพมาหน้ากอง อากาศร้อนมหาประลัย และไอติมก็ละลายเร็วมาก
ที่หน้ากอง
แกะไอติมซองแรก –หน้าตามันก็ตรงนี่หว่า ไม่เห็นแย่เลย
แกะซองที่สอง –หน้าตาก็ไม่แย่นี่
สงสัยลูกค้าจะแก้ไขปัญหาหน้าเบี้ยวได้แล้วมั้ง
เดี๋ยวนะ! มาแก้ตอนนี้ก็ลำบากสิฟระ
เออ! ใส่ CG แก้ให้หน้าเบี้ยวละกัน...
แรกๆ คังโป้ยก็ตื่นเต้นกับไอติม กัดคำนึง “เฮ้ย! พี่อร่อยว่ะ”
แต่คังโป้ยลืมไปว่า ในบท คังโป้ยจะต้องกัดทั้งหมดแค่คำเดียว และต้องเปลี่ยนแท่งเลย...ทำแบบนั้นซ้ำๆ
ประกอบกับฉากนี้ถ่ายทำกันในรัชดาซอย 3 ที่ Salmon House ครั่นคร้ามในความสามารถที่ทำลายกองมาแล้ว จากหลายๆ คลิป
นี่ยังไม่นับไอเย็นที่เกาะไอติม ทำให้สีไอติมมันเพี้ยนไปอีก
ทำให้ทุกครั้งที่หยิบไอติมออกมา ต้องมีคนรีบแต่งหน้าไอติม ทั้งด้วยการเอาน้ำไปพรมและเอาพัดลมไปเป่า
จากนั้นก็รีบเอาให้นักแสดงรีบเล่นก่อนจะละลาย ทำวนแบบนี้ไปเรื่อยๆ
สิริรวมแล้ว เราใช้ไอติมไปมากกว่า 25 แท่ง (หมดเซเว่น 1 สาขา)
ที่เห็นในคลิปทั้งหมดคือไอติมที่ Retouch หมดแล้วนะครับ
ของจริงหน้าตาไม่ได้เบี้ยวขนาดนั้น
Voice Over
ตัวละครสำคัญอีกตัวของคลิปนี้คือ ‘Voice Over’
V.O. เรื่องนี้ ไม่ใช่เสียงความคิดของพระเอก แต่เป็นบุคคลที่สามไปเลย อยากได้น้ำเสียงที่มีความทรงภูมิ แลดูมีปัญญา แต่กวนตีน มีเนื้อเสียงที่น่าสนใจ และสามารถพูดคำหยาบได้น่าฟัง ไม่ก้าวร้าว แต่ก็ไม่เรียบร้อยจนเกินไป...
เสียงตัวละครตัวนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะเสียงนี้จะต้องประคองคลิปช่วงต้นที่มีความยาว 1 นาทีให้ได้ โดยที่คนดูไม่ปิดคลิปไปก่อน
เสียง ‘พี่ต้อม เป็นเอก’ คือ Reference ที่ชัดที่สุด แต่เสียงพี่ต้อมดูแก่ไปนิด... (คือดีนะ แต่คลิปจะมีอายุเพิ่มขึ้นอีก 5 ปี)
ผมนึกถึงคลิปเบื้องหลัง ฟรีแลนซ์ฯ ที่มีเสียงคุณเต๋อ นวพลบรรยาย
เสียง ‘เต๋อ นวพล’ กวนตีนดี พอลองไปเปิดคลิป ‘เด็กเอ๋ย...เด็กเซอร์’ ก็พบว่า...เออ! ดีจริงๆ ด้วย!
วิชัย: เต๋อครับ อยากชวนเต๋อมาลงเสียง Announcer หน่อยครับ
เต๋อ: เอาดิพี่ ลองดู พี่อยากได้แบบไหนครับ
วิชัย: ได้ๆ พี่มี Reference ให้ฟังครับ
(ส่งลิ้งก์ เด็กเอ๋ย...เด็กเซอร์)
เต๋อ: ...เรฟที่ว่าคือ...ตัวผมเอง?
วิชัย: ใช่ครับ
เต๋อ: ...
การอัดเสียงเต๋อ นวพล ราบรื่นมาก ใช้เวลาปรับจูนคาแรคเตอร์นิดหน่อย ก็ติดจรวดจบเป็นฉากๆ อย่างรวดเร็ว
คำที่ใช้เวลาอัดนานที่สุดคือ ‘ข้อศอกอูฐ’ เพราะบทเดิม คือ ‘ตาตุ่มเป็ด’
แต่เปลี่ยนบทกันในห้องอัด เพราะรู้สึกว่า คำว่า ‘ตาตุ่ม’ ไม่ค่อยเหมาะกับสินค้าของกินเท่าไหร่
คำว่า ‘เศร้าเหมือนหนังเต๋อ นวพล’ นั่นก็ไปนึกกันหน้าห้องอัดเช่นกัน
เต๋อพูดคำว่า แม่ง, เชี่ย, เหี้ย หรือเช้ดเข้ ที่ได้ฟีลมาก ฮ่าๆๆๆ รู้สึกหนักใจในการทำให้คลิปหยาบคายน้อยลง
จริงๆ มันมี Deleted Voice อยู่ซีนนึง ที่อยู่ตรงช่วงท้ายคลิป
แต่รู้สึกว่า ไลน์นี้มันสนองนี๊ดคนทำมากไปหน่อย แต่ไม่ตอบโจทย์ด้าน Concept Idea (ไม่ตรงซอง) เท่าไหร่
และที่สำคัญ ไม่ว่าทำยังไงก็หาจังหวะลงไม่ได้ซักที ไดอะล็อกไลน์นี้จึงเป็น Deleted Voice ต่อไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in